คลังเก็บป้ายกำกับ: เศรษฐกิจ

ปิดฉาก-SVB

ปิดฉาก SVB! รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดกิจการ พร้อมเข้าดูแลเงินฝาก

กระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศปิดกิจการของ Silicon Valley Bank (SVB) ในวันนี้ พร้อมกับมอบหมายให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB

ปิดฉาก-SVB

ทั้งนี้ FDIC ได้จัดตั้ง Deposit Insurance National Bank of Santa Clara (DINB) และได้โอนเงินฝากทั้งหมดจาก SVB ที่ได้รับการค้ำประกันเข้าสู่ DINB เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ฝากเงิน

FDIC เปิดเผยว่า เจ้าของเงินฝากจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนเองได้ภายในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ซึ่งสาขาต่างๆ ของ SVB จะเปิดทำการ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC

อย่างไรก็ดี กฎระเบียบของ FDIC ให้การคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร

ข้อมูล ณ สิ้นเดือนธ.ค.2565 ระบุว่า SVB มีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ และมีเงินฝาก 1.754 แสนล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขายกิจการ หลังจากประสบความล้มเหลวในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุนธนาคาร

ราคาหุ้น SVB ร่วงลง 45.61% สู่ระดับ 57.68 ดอลลาร์ก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังจากปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลง 60.41% สู่ระดับ 106.04 ดอลลาร์

ทั้งนี้ SVB ประกาศแผนขายหุ้นแก่นักลงทุนวงเงิน 2.25 พันล้านดอลลาร์ในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากประสบภาวะขาดทุนถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่าในพอร์ทลดลงอย่างมาก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ SVB ยังประสบปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนจากการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพพากันถอนเงินฝากจากธนาคาร

SVB มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ ณ ปิดตลาดวานนี้ SVB มีมูลค่าตลาดเหลืออยู่เพียง 6.3 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น และมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดดังกล่าวจะลดลงอีก หลังจากปิดตลาดวันนี้

อัพเดทข่าว เพิ่มเติม : “เศรษฐกิจไทยปีกระต่าย”กระโดดให้ไกลเพื่อเข้าสู่ช่วง “ฟื้นฟู”

ข่าวเศรษฐกิจ-วันนี้

“เศรษฐกิจไทยปีกระต่าย”กระโดดให้ไกลเพื่อเข้าสู่ช่วง “ฟื้นฟู”

มองข้างหน้าปีกระต่ายกระโดดไหวไหม “เศรษฐกิจไทยโตสวนโลก”

ภายใต้สัญญาณ “ความผันผวน” ของภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดการเงินทั่วโลกที่ทวีความรุนแรง และคาดเดาได้ยากมากยิ่งขึ้นในปี 2566 สำนักวิเคราะห์วิจัยเศรษฐกิจส่วนใหญ่ ยังคงคาดการณ์ว่า…

“เศรษฐกิจไทยปีกระต่าย” จะสามารถฝ่ามรสุมจากปัจจัยลบที่รุมกระหน่ำ และเติบโตได้ต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หวนกลับมา การใช้จ่ายในประเทศที่ปรับดีขึ้น เมื่อรัฐบาลเปิดให้ “ทำมาหากิน” ได้ตามปกติอีกครั้ง หลังโควิด-19 คลี่คลาย แต่เราคงไม่สามารถประมาทหรือชะล่าใจ เพราะ “วิกฤติ” ภายในยังไม่ได้จางหายไปอย่างสิ้นเชิง และยังมี “วิกฤติเศรษฐกิจ และความขัดแย้งของการเมืองโลก” เข้ามาเป็น “ภัยคุกคาม” เป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ

ปี 2566 กระต่ายจะกระโดดให้ไกลเพื่อเข้าสู่ช่วง “ฟื้นฟู” หลังยุคมืดได้อย่างไร ความเสี่ยงที่ต้องระวังอยู่ที่ไหน ติดตามจาก “สัมภาษณ์พิเศษ” รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเป็น “ไกด์ไลน์” ในการดำเนินชีวิต และทำธุรกิจในปีใหม่นี้…

เราเริ่มต้นมองทิศทางเศรษฐกิจปี 2566 กับ รมว.คลังก่อน ซึ่ง ดร.อาคม ให้ความเห็นว่า “ในปีหน้าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยสดใส เพราะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย สาเหตุหลักมาจากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นมาก และมีผลต่อเนื่องทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นตาม และเมื่อความขัดแย้งยืดเยื้อ จึงส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อให้ปรับสูงขึ้นรวดเร็ว ขณะที่กำลังซื้ออ่อนล้าลง”

สำหรับเศรษฐกิจไทย แตกต่างจากเศรษฐกิจโลก เพราะเรากำลังฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด การบริโภคภายในประเทศเริ่มกระเตื้อง และการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยกลับมาคึกคัก ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ-ล่าสุด

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.8% คิดเป็นมูลค่า 18.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ซึ่งจีดีพีขยายตัว 3.2% มูลค่า 17.63 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่ามูลค่าของเศรษฐกิจของไทยได้กลับมาเติบโต และอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนวิกฤติโควิดแล้ว โดยปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 จีดีพีขยายตัว 2.2% และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ 16.9 ล้านล้านบาท

“จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่ามูลค่าเศรษฐกิจของประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นลักษณะค่อยๆฟื้นตัว ซึ่งรัฐบาลจะพยายามประคับประคองให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และมั่นคง”

ดร.อาคม กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยปี 2566 เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น ปัจจัยแรกมาจากภาคบริการและท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องมาจากปี 2565 โดยคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยทะลุ 21.5 ล้านคน จากปี 2565 ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยทะลุ 10 ล้านคนแล้ว

“เมื่อภาคท่องเที่ยวและภาคบริการฟื้นตัว ก็จะส่งเป็นลูกโซ่ไปยังธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ ให้เริ่มกลับมาเปิดกิจการ ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน แต่การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนก็ต้องปรับตัว ลดต้นทุน นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) แม้การแพร่ระบาดโควิดจะคลี่คลาย แต่การป้องกันจะยังคงเข้มข้นเช่นเดิม ขณะเดียวกันก็ต้องปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และรองรับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของภาครัฐ จะเร่งขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุน ผลักดันเม็ดเงินให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษ

ภาคตะวันออก (EEC) ต้องเร่งการลงทุนอย่างจริงจังในปีหน้านี้ หลังจากรัฐบาลได้อนุมัติโครงการลงทุนเป็นที่เรียบร้อย”

“การส่งออกปี 2566 อาจชะลอตัวลงบ้าง หรือขยายตัวเท่ากับปี 2565 เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งต้องดูปัจจัยค่าเงินบาทด้วย เพราะหากเงินบาทอ่อนค่า มูลค่าการส่งออก็จะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณไม่เพิ่ม โดยเชื่อว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องการส่งออก จะผลักดันให้ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน”

ส่วนความท้าทายในอนาคตอันใกล้ และทุกคนต้องปรับตัว เรื่อง แรกคือ การเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามา

มีบทบาทต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งทุกภาคส่วน ต้องปรับใช้กับธุรกิจให้สอดคล้องไปด้วยกัน อีกทั้งควรนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานด้วย ขณะที่เรื่องที่ 2 คือ การทำธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับจากนี้ไปจะเห็นการลงทุนการดำเนินธุรกิจ คำนึงถึงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 37.60-38.25

กรุงศรี

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 37.60-38.25

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้

กรุงศรี

เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 37.60-38.25 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 37.72 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 37.64-38.46 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปี ทางด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bp สู่ 1.00%

เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรและปอนด์แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงจากระดับแข็งค่าสุดในรอบ 20 ปี โดยธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษเพื่อดูแลเสถียรภาพหลังนักลงทุนตื่นตระหนกกับแผนลดภาษีของรัฐบาลและเทขายพันธบัตรอย่างรุนแรง บีโออีระบุว่าจะซื้อพันธบัตรที่มีอายุคงเหลืออย่างน้อย 20 ปี ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-14 ต.ค. รวมกัน 6.5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อสนับสนุนตลาดแบบฉุกเฉิน

สมาคมฯ กระทุ้งรัฐปราบนำเข้าหมูเถื่อน ชี้ผู้เลี้ยงรายย่อยรอดยากหากไม่เร่งแก้

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า แม้จะมีการเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างจริงจัง

นายสุรชัย-สุทธิธรรม

ทั้งกรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ แต่การปราบปรามและจับกุมยังไม่ดำเนินการอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทำให้ขบวนการลักลอบนำเข้าไม่เกรงกลัว ทั้งยังมีการลักลอบนำเข้ามาในหลายรูปแบบ และมีการทำการตลาดทั้งแบบออนไลน์ และขายหน้าร้าน โดยมีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 135-145 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าราคาในประเทศมาก

นายสุรชัย กล่าวว่า หลังกรมปศุสัตว์ประกาศพบโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (African Swine Fever: ASF) เป็นทางการเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 65 พร้อมแจงตัวเลขผลผลิตแม่หมูหายไปจากระบบ 50% ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูในประเทศปรับสูงขึ้นตามลำดับ โดยราคาหมูเนื้อแดงขยับขึ้นไปสูงสุดที่กิโลกรัมละ 200 บาท จากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่กิโลกรัมละ 100 บาท

ดังนั้น ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเห็นช่องทางฉวยโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างหมูนำเข้ามีต้นทุนต่ำกว่า และเป็นชิ้นส่วนที่ประเทศต้นทางไม่บริโภค จึงส่งออกมายังไทยในราคาถูก แต่หมูชิ้นส่วน และเครื่องในที่นำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย ต้องผ่านการตรวจโรคและได้รับใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์จากกรมปศุสัตว์ ทำให้ผู้ลักลอบนำเข้าหลบหลีกขั้นตอนดังกล่าว โดยการสำแดงเท็จเป็นอาหารทะเลและสินค้าอื่นๆ แอบแฝงมาในตู้สินค้า

นายสุรชัย กล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภาครัฐร่วมมือกันตรวจสต็อกห้องเย็นเกือบทุกวัน พบหมูผิดกฎหมายจำนวนมาก พอการปราบปรามทิ้งช่วง หมูเถื่อนก็กลับมาอีก ที่สำคัญหมูเถื่อนราคาถูก ทุบราคาหมูในประเทศ ล่อใจผู้บริโภคให้ซื้อเนื้อสัตว์ที่ราคาถูกกว่าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคควรรับทราบถึงผลร้ายที่จะตามมาจากการซื้อหมูลักลอบนำเข้าจากพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ ว่าเนื้อหมูผิดกฎหมายเหล่านั้นเต็มไปด้วยสารเร่งเนื้อแดงที่ประเทศต้นทางยังอนุญาตให้ใช้อยู่ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อบริโภคมากก็สะสมมาก

พร้อมระบุว่า แม้กรมปศุสัตว์จะออกมากวาดล้างอย่างจริงจัง แต่จำนวนที่จับกุมได้ยังคงเป็นส่วนน้อย จึงอยากให้การปราบปรามมีความชัดเจนและต่อเนื่อง และหากเป็นไปได้ควรออกตรวจสอบห้องเย็นทุกวัน ซึ่งสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อปกป้องเกษตรกร เนื่องจากปัจจุบันมีการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงที่เสียหายจากปัญหา ASF ได้เริ่มกลับมาเข้าขุนใหม่แล้วกว่า 1 ล้านตัว ดังนั้น ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด ต้องหยุดการลักลอบนำเข้าให้หมด ซึ่งเครือข่ายผู้เลี้ยงสุกรก็พยายามหาเบาะแสมาตลอด

ในส่วนของต้นทุนการผลิตสุกร ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น มี Supply น้อยกว่าความต้องการ และถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้การเลี้ยงสุกรในปัจจุบัน ผู้เลี้ยงต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงอยู่ที่ 98-101 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ราคาขายสุกรหน้าฟาร์มก็ต้องให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูแลผู้บริโภคในประเทศด้วย

thaifootballbet888